อุตสาหกรรม 4.0 แตกต่างจากอุตสาหกรรมยุคอื่นอย่างไร

อุตสาหกรรมนั้นมีการพัฒนาตามยุคสมัย โดยยุคแรกหรือยุคอุตสาหกรรม 1.0 ในราวปีค.ศ.1800 ถือเป็นยุคของการผลิตด้วยเครื่องจักรกล โรงงานในสมัยนั้นจะใช้เครื่องจักรไอน้ำ แรงงานคนและสัตว์ ต่อมาในยุคอุตสาหกรรม 2.0 ช่วงปีค.ศ.1900 ซึ่งเป็นยุคของการผลิตจำนวนมาก เริ่มมีการใช้พลังงานไฟฟ้าแทนไอน้ำ ทำให้ผลิตสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงมีการผลิตสินค้าแบบเดียวกันได้เป็นจำนวนมาก 

ถัดมาในปีค.ศ.2000 หรือเข้าสู่ยุค 3.0 ยุคของการผลิตแบบอัติโนมัติ อยู่ในช่วงรอยต่อของปัจจุบันและอนาคต ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และไอทีเป็นหลัก โดยเริ่มมีการนำหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมการผลิตและทดแทนพลังงานมนุษย์มากยิ่งขึ้น 

มาจนถึง โลกแห่งอนาคตต่อจากนี้หรือที่เรียกว่า “อุตสาหกรรม 4.0”  หรือ ยุคของการผลิตระบบดิจิทัล คือการนำเครือข่ายของโรงงานทั้งหมดมาเชื่อมโยงเข้าหากันเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพจากศูนย์กลางหนึ่งเดียวที่ควบคุมด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีหลักๆ ที่นำมาใช้ อาทิ หุ่นยนต์ ระบบเซ็นเซอร์ ปัญญาประดิษฐ์ และระบบคลาวน์ ที่มุ่งเป้าในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

​​รวม 4 ขั้นตอน เพื่อการผลิตอย่างชาญฉลาด

ระบบอุตสาหกรรม 4.0 ได้รวมเอา 4 ขั้นตอนเข้าไว้เป็น 1 เดียว ความแตกต่างที่เราสามารถเห็นได้ชัดในระบบนี้ นั่นคือ การรวมทุกส่วนทุกขั้นตอนมาควบคุมไว้ที่จุดเดียว ซึ่งประกอบไปด้วย 

1. ชิ้นส่วนหรือระบบการทำงานในแต่ละส่วนของแต่ละอุปกรณ์และเครื่องจักร เช่น ระบบข้อมูลและเซนเซอร์ ที่ทำให้เราเช็คการทำงานในแต่ละจุดได้
2. เครื่องจักรทั้งระบบ ที่เราใช้ตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของทุกเครื่องจักรในสายการผลิต
3. ระบบการจัดการในการดำเนินการผลิต ที่ใช้เชื่อมต่อและควบคุมประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทาน
4. ระบบธุรกิจ ที่ตรวจสอบการวางแผนและประเมินผลของทั้งองค์กรของโรงงานหลาย ๆ แหล่งรวมกัน ​​​

ทั้งหมดนี้รวมเป็นหนึ่งเดียว ช่วยลดความยุ่งยากด้วยระบบอัลกอริธึมที่ควบคุม รวมถึงเชื่อมต่อเครื่องจักรต่างๆ ​​​เข้าด้วยกัน และด้วยจุดนี้เอง ที่ทำให้ระบบของโรงงานในอุตสาหกรรม 4.0 ก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้​มีประสิทธิภาพในการทำงานได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

• เพิ่มยอดการผลิต เพราะการควบคุมจากจุดเดียวช่วยส่งเสริมให้ระบบการผลิตทำงานได้ดีขึ้น
• ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากเราสามารถผลิตสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงส่งออกอย่างต่อเนื่องด้วย
  ระบบอัติโนมัติ ทำให้ลดต้นทุนลงได้อย่างมาก
• การขนส่งที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ร่นระยะเวลาจากระบบการทำงานที่เชื่อมต่อกัน
• สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค
• ทำให้คนในองค์กรมีโอกาสที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่และมีช่องทางในการเพิ่มทักษะการทำงานที่ เพิ่มมากขึ้นเมื่ออุตสาหกรรม 4.0 มาพบกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

เมื่ออุตสาหกรรม 4.0 มาพบกับธุรกิจอาหารและเ​​ครื่​​องดื่ม​

จากมุมมองของผู้ผลิตอาหาร การเปลี่ยนแปลงระบบเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ แต่การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เรามีอยู่แ​ล้วให้เข้ากับรูปแบบของ อุตสาหกรรม 4.0 จะช่วยสร้างการทำงานที่ฉลาดขึ้นและควบคุมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึง คุณภาพ ความปลอดภัยของอาหารที่เราจะส่งต่อไปยังมือของผู้บริโภคที่อาจไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรเป็น ด้วยการวางระบบที่มีการรวมศูนย์กลางจะสามารถทำให้เราตรวจสอบสายการผลิตย้อนหลังได้ ทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานและประสิทธิภาพของการผลิตสินค้าได้ดีมากกว่า รวมไปถึง การเข้าถึงระบบข้อมูลแบบเรียลไทม์จากโซ่อุปทานทั่วทุกมุมโลกจะช่วยให้คุณสามารถผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ดีมากยิ่งขึ้น หลายๆ เทรนด์ ที่อยู่ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 จึงช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างตรงจุด​

ก้าวไปข้างหน้าในยุคใหม่อย่างมั่นใจ

แน่นอนว่าอุตสา​หกรรม 4.0 นั้น จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตรวมทั้งการดูแลคุณภาพของสินค้า การที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นได้ต้องมีความมั่นคงและมั่นใจในรูปแบบของอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งไม่จำเป็นว่ามันจะต้องเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณ การเตรียมความพร้อมด้วยการตามติดเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อนำไปอัพเดทขีดความสามารถในการผลิต จะทำให้คุณสามารถก้าวไปที่ละก้าวได้อย่างมั่นคง และการมีคู่หูที่ดีที่พร้อมจะช่วยคุณในทุกเรื่องของธุรกิจ ก็จะนำพาคุณก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและมั่นคงได้ครับ