​​​​​​​​​​​​​​เต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2019: การเชื่อมโยงกันทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 

The convergence of health & environment

​รายงานผลวิจัยเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์  ในปี 2019 นี้ ดำเนินการร่วมกับ  บริษัท อิปซอสส์ (Ipsos) มีการนำเสนอข้อมูลเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้

  • กลุ่มผู้บริโภค 6 กลุ่มใหม่ โดยแต่ละกลุ่มมีทัศนคติที่แตกต่างกันในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • ความรู้สึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของตนเองที่เพิ่มสูงขึ้น
     

บทสรุปจากรายงานเต็ดตรา แพ้ค อินเด็กซ์ 2019

     1.ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ 2 ใน 3 ของผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถามในงานวิจัยกับผู้บริโภคทั่วโลกเชื่อว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม และในสัดส่วนเดียวกันยังเชื่อว่าสุขภาพกายและใจถือเป็นประเด็นที่สังคมกำลังกังวลอย่างมากเช่นเดียวกัน

​     2.ในอดีตเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจะแยกกันอย่างชัดเจน แต่ปัจจุบันนี้ กลับมีความเหลือมล้ำกันมากขึ้น โดยเกือบ 3 ใน 5 ของผู้บริโภคคิดว่า สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของ  พวกเขานั้นได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อเขากังวลกับสิ่งแวดล้อมมากเท่าไหร่ก็จะ​​​​กังวลกับกับสุขภาพมากเช่นเดียวกัน โดยเมื่ออดีตสิ่งที่เคยวิตกกังวลเป็นนามธรรมและดูห่างไกลนั้น ได้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นอย่างเร่งด่วน ยิ่งใหญ่ เฉพาะตัว เพราะผู้บริโภคเห็นชัดว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบต่อพวกเขาและครอบครัว

Innovative packaging design

       3.คนรุ่นใหม่คือแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสำหรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก พวกเขาต้องการและหวังว่าจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีอายุยืนนานกว่าพ่อแม่ของเขา และเลือกที่จะใช้ชีวิตของตัวเองตามแนวทางนี้ การใช้โซเชียลมีเดียและประสบการณ์ส่วนตัวที่สื่อถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ กระตุ้นให้เขามีความต้องการที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

      4.ผู้บริโภคเชื่อว่าตนเองเป็นผู้รับผิดชอบอันดับแรกทั้งต่อสุขภาพของตัวเองและสภาพแวดล้อมของโลก และยังเชื่อเพิ่มมากขึ้นว่าการใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะไรที่เราดื่มและรับประทานเข้าไปมีผลกระทบเชิงลบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม    หลายคนต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้สอดคล้องกัน แต่ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ขาดความรู้ และขาดตัวเลือกที่ซื้อหาได้และ/หรือเชื่อถือได้ ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่จะช่วยผู้บริโภคแก้ปัญหาเหล่านี้  และตอบสนองความต้องการที่กำลังเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดีและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

      5.อาหารและเครื่องดื่มถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญของการเชื่อมโยงกันของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ความมุ่งหวังในการเปลี่ยนแปลงที่มาเป็นอันดับหนึ่งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นั่นคือ การเปลี่ยนมาบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าจากธรรมชาติ ออร์แกนิก ซึ่งหากจัดเป็นหมวดหมู่ น้ำผลไม้ 100% นมจืด น้ำดื่มในบรรจุภัณฑ์ น้ำมะพร้าว และเครื่องดื่มจากพืช ได้รับความสนใจมากที่สุด

      6.บรรจุภัณฑ์และความสามารถในการรีไซเคิลถือว่ามีความสำคัญ การรีไซเคิลกลายเป็นคุณสมบัติอันดับแรกของคนที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการรีไซเคิลเป็นความเชื่อมโยงอันดับต้นๆ ของสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าสนใจเป็นอันดับสามของผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มโดยรวม  และเกือบ 4 ใน 5 ของผู้บริโภคทั่วโลกยินดีที่จ่ายมากขึ้นเพื่อบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ เกือบ 2 ใน 5 บอกว่าพวกเขายินดีจ่ายสูงกว่าให้กับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

     7.การต่อต้านการใช้พลาสติกมีมากขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ของผู้บริโภค เชื่อว่าคนที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจะหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติก และ 1 ใน 3 บอกว่ามีแผนที่จะซื้อและใช้พลาสติกน้อยลงในอีก 12 เดือนข้างหน้า

     8.นักวิเคราะห์งานวิจัยของเราได้เปิดเผยถึงกลุ่มผู้บริโภค 6 กลุ่ม ที่มีลักษณะแตกต่างกัน เกี่ยวเนื่องกับการตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ทั้งความเชื่อและค่านิยม แรงผลักดันและความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เชื่อถือได้ โดยสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างโอกาสให้กับผลิตภัณฑ์เป้าหมาย การสื่อสาร และอื่น ๆ

     9.แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในอนาคต จะต้องเป็นแบรนด์ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงเป้าหมาย และการมีส่วนร่วมในเชิงบวกต่อสังคม นอกเหนือไปจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่ดี  อย่างไรก็ตาม ทั้งจากงานวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของเรานั้นได้แสดงให้เห็นช่องว่างด้านความน่าเชื่อถือในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้ แบรนด์ต่างๆ ที่อยู่ในรายชื่อของผู้นำทางความคิดในด้านนี้ มีเพียง 1 ใน 10 ของผู้บริโภคเท่านั้นที่ได้รับคำแนะนำหรือแรงบันดาลใจจากแบรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้

     10.อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมแรกที่เห็นเทรนด์ในการเชื่อมโยงกันของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโอกาสใหม่สำหรับแบรนด์ในการสร้างการสร้างความสัมพันธ์ที่ทรงพลัง มีเป้าหมายและมีการเชื่อมโยงส่วนตัวกับผู้บริโภค โดยการนำเสนอการสื่อสารทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน
 

แบรนด์จะเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภค 6 กลุ่มใหม่ได้อย่างไร

นำเทรนด์

​1.ACTIVE AMBASSADORS | นำเทรนด์

วิธีการเข้าถึง: ให้พวกเขาเป็นผู้นำทางความคิด เสมือนเป็นผู้เชียวชาญ ควรให้ความรู้เชิงลึก ข่าวสารและข้อเท็จจริงกับพวกเขามากขึ้น

รักษ์โลก

​​2.PLANET FRIENDS | รักษ์โลก

วิธีการเข้าถึง: พวกเขาต้องการทราบข้อเท็จจริง มองหาความเห็นและงานวิจัย จากนักวิทยาศาสตร์

ใส่ใจสุขภาพ

​3.HEALTH CONSCIOUS | ใส่ใจสุขภาพ

วิธีการเข้าถึง: สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพ กระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย

ตามเทรนด์

​4.FOLLOWERS | ตามเทรนด์

วิธีการเข้าถึง: สนับสนุนความต้องการของพวกเขา  นำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้ง่าย ให้กำลังใจและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์

เฉพาะกลุ่ม

​5.SCEPTICS | เฉพาะกลุ่ม

วิธีการเข้าถึง: เข้าถึงกลุ่มคนในท้องถิ่น พวกเขามักจะถูกโน้มน้าวโดยคนที่พวกเขารู้จักและเชื่อถือแบบ “คนพวกเดียวกัน”

เปลี่ยนอย่างช้าๆ

​​​6.LAGGARDS | เปลี่ยนอย่างช้าๆ

วิธีการเข้าถึง: เปิดให้พวกเขาได้สัมผัสกับประเด็นต่างๆ และความรู้โดยทั่วไป
 

การดำเนินชีวิตแบบสมัยใหม่ | สิ่งที่เราบริโภคมีผลต่อสุขภาพของตนเองและสิ่งแวดล้อม

  • 82% ของผู้บริโภคคิดว่า การดำเนินชีวิตแบบใส่ใจสุขภาพนั้นมีความสำคัญ
  • 47% เชื่อว่าการเลือกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพของตัวเองมีผลต่อสิ่งแวดล้อม
  • 59% เชื่อว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพส่วนบุคคล

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษ) ได้ที่ www.tetrapak.com/about/tetra-pak-index​​